นายจุนทะผู้มีอาชีพช่างทองเมื่อทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จมาประทับในสวน
ของตนในเมืองไพศาลี ก็บังเกิดความยินดี รีบนำเครื่องสักการะมาถวายพร้อมทั้ง
กราบทูลให้เข้าไปรับอาหารบิณฑบาต ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อพระพุทธองค์นำภิกษุสงฆ์
เสด็จมาถึงเรือน นายจุนทะ ได้จัดโภชนาการอันประณีตไว้ถวายพร้อมสุกรมัททวะ
พระพุทธองค์ตรัสว่า ถวายสุกรมัททวะเฉพาะพระองค์เพียงผู้เดียว ที่เหลือให้ขุดหลุม
ฝังเสีย เพราะนอกจากพระองค์แล้วไม่มีไฟธาตุของผู้ใดจะสามารถย่อยได้
จงนำอาหารอื่นๆ ที่จัดเตรียมไว้ถวายเหล่าภิกษุสงฆ์
ในวันนั้นได้ทรงประชวร ถ่ายเป็นพระโลหิต และมีพระดำรัสให้ออกเดินทางต่อไป
สู่เมืองกุสินารา ในระหว่างทางทรงกระหายน้ำมาก จึงเสด็จเข้าประทับพักยังร่มไม้
ริมทาง ตรัสให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์เห็นน้ำในแม่น้ำขุ่น เพราะกอง
เกวียน จำนวน ๕๐๐ เล่ม เพิ่งแล่นผ่านไป จึงกลับมาทูลอาราธนาให้เสด็จต่อ
พระพุทธองค์ตรัสให้พระอานนท์กลับไปตักน้ำมาถวายใหม่อีกครั้ง
คราวนี้น้ำในแม่น้ำที่ขุ่นนั้นกลับใสสะอาด เป็นที่อัศจรรย์ พระองค์จึงตรัสถึงสาเหตุ
ที่น้ำในแม่น้ำขุ่นในครั้งแรกว่า เกิดจากบุพกรรม คือกรรมแต่ชาติปางก่อนเมื่อครั้งที่
พระองค์เสวยพระชาติเป็นพ่อค้าเกวียน ครั้งหนึ่งขณะนำกองเกวียนจำนวน ๕๐๐ เล่ม
ไปค้าขายยังต่างเมือง พระองค์สั่งให้นำ กะทอ คือเครื่องครอบสวมปากวัวไว้ทั้งหมด
เพราะเกรงจะดื่มน้ำในแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เดินทางผ่านอันอาจไม่สะอาด ครั้นเดินทาง
ถึงแม่น้ำสายใหญ่แล้วจึงสั่งให้ถอดกะทอออก ฝูงวัวจึงได้ดื่มน้ำ กรรมอันนั้นได้ติดตาม
มาสนองในขณะจวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ทำให้ได้น้ำมาดื่มอย่างยากลำบาก
ส่วนสาเหตุที่น้ำในแม่น้ำซึ่งขุ่นข้นกลับใสขึ้นมานั้น เกิดจากผลบุญเมื่อพระองค์
เสวยพระชาติเป็นพ่อค้าเกวียนนำกองเกวียนออกเดินทางค้าขายผ่านสถานที่กันดาร
น้ำที่เตรียมไว้หมด คนทั้งหลายพากันอดอยากสิ้นกำลัง พระองค์ไม่ทรงย่อท้อพยายาม
เสาะหาสถานที่อันมีต้นหญ้าขึ้นอยู่เขียวชะอุ่ม แล้วให้ช่วยกันขุดดินและแผ่นหินที่ขวาง
กั้นอยู่ ทำให้เกิดเป็นบ่อน้ำขึ้นในสถานที่กันดารผู้สัญจรเดินทางผ่านไปมาได้อาบกินเกิด
กุศลแก่ผู้สร้าง
ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
บทภาพยนตร์
(เสียงพระพุทธเจ้าก้องกังวาน)
ผู้มีปัญญาพึงพยายามยกจิตขึ้นจากอาลัย คือ กามคุณ... ละบ่วง
แห่งมารเสีย ใช้สติเป็นขอเหนี่ยวรั้ง... สามารถทำตนของตนไว้ในอำนาจได้
สามารถชนะตนเองได้
นายจุนทะ
นอกจากพระพุทธองค์จะเสด็จมาประทับในสวนมะม่วงของ ข้าพระพุทธองค์แล้ว
ยังทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดอีกด้วย นับเป็นพระเมตตาที่มีต่อข้าพระพุทธองค์ …
นายจุนทะบุตรช่างทองอย่างหาที่สุดมิได้ เช้าวันพรุ่งนี้ขอกราบอาราธนา
รับอาหารบิณฑบาตที่บ้านของข้าพระพุทธองค์ด้วยเถิด
นายจุนทะ
นี่คือ สูกรมัททวะ (สูกะระมัดทะวะ) โภชนาหารที่ปรุงอย่างประณีต
ขอพระพุทธองค์เสวยเถิด
พระพุทธเจ้า
จุนทะ … สูกรมัททวะนี้ เป็นอาหารที่ปรุงขึ้น เป็นพิเศษเหมาะสำหรับเราเท่านั้น
นอกจากเราแล้วไม่มีไฟธาตุของผู้ใดสามารถย่อยได้ ส่วนที่เหลือขอให้ท่าน
นำไปฝังดินเสีย สำหรับพระภิกษุสาวกของเราจงนำอาหารชนิดอื่นถวาย แทนเถิด
นายจุนทะ
พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า
อานนท์ บัดนี้ โรคในกายเราเริ่มกำเริบหนักขึ้นมาอีกแล้ว
จงรีบเดินทางไปยังเมืองกุสินารากันเถิด เราจะปรินิพพานที่เมืองนั้น
พระพุทธเจ้า
อานนท์ แวะพักใต้ร่มไม้นี้สักครู่ แล้วช่วยไปตักน้ำมาให้เราดื่มสักหน่อยเถิด
พระอานนท์
กองเกวียนจำนวนมาก เพิ่งจะข้ามผ่านไป หนำซ้ำแม่น้ำนี้เริ่มจะลดแห้งลง
ทำให้น้ำขุ่นข้นไม่ควรจะเป็นน้ำเสวย…แม่น้ำกกุธานที ห่างจากนี่ไม่ไกลนัก มีน้ำใสเย็น
ขอเสด็จไปเสวยและสรงน้ำที่นั่นเถิด
พระอานนท์ (เสียงในความคิด)
แม้เราทัดทานว่าน้ำขุ่นข้น เสวยไม่ได้อย่างไร แต่พระพุทธองค์ยังยืนยัน
จะเสวย... พระพุทธองค์ทำอย่างงี้ต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นครั้งแรก
ที่ทรงกระหาย และขอน้ำเสวยระหว่างทางที่ยังไม่ถึงที่พัก
พระอานนท์
โอ … พุทธานุภาพนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น