วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส


นางสุชาดาเริ่มประกอบพิธีหุงข้าวมธุปายาส  โดยจัดหาฟืนใส่ในเตา
และก่อไฟด้วยตนเอง  เทน้ำนมและเครื่องปรุงลงในภาชนะยกตั้งบนเตาไฟ
ฟองน้ำนมเวียนเป็นทักษิณาวัฏ  ไฟในเตาก็ปราศจากควันน่าอัศจรรย์   เตรียมจัด
ข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองเพื่อเตรียมไปถวายบวงสรวงบูชาเทพยดาที่ต้นไทรนั้น




             ฝ่ายนางปุณณทาสี สาวใช้เห็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ใต้ร่มไทร  มีรัศมี
แผ่ซ่านออกจากพระวรกาย ดูงามยิ่งนัก จึงรีบกลับมาบอกแก่นางสุชาดาให้ทราบ
นางสุชาดาจึงรีบยกถาดข้าวมธุปายาส ออกจากบ้านพร้อมด้วยบริวารไปยังต้นไทรนั้น
             ครั้นได้เห็นพระบรมโพธิสัตว์งดงามเช่นนั้น ก็เกิดความโสมนัสยินดีสำคัญว่า
เป็นรุกขเทวดามานั่งคอยรับเครื่องพลีกรรม จึงน้อมนำข้าวมธุปายาสเข้าไปถวาย
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง



          หลังจากที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงรับข้าวมธุปายาสแล้วทรงเสด็จลุกจากอาสนะ
ทรงถือถาดเสด็จไปยังริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  เมื่อสรงพระวรกายแล้วประทับนั่ง
บ่ายพระพักตร์สู่ทิศบูรพา  ทรงปั้นข้าวมธุปายาสได้ ๔๙ ปั้น  แล้วเสวยจนหมด
          จากนั้นทรงถือถาดทองเสด็จไปสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า
             “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวน
กระแสน้ำขึ้นไป”



             ด้วยอานุภาพแห่งพระบารมี  ถาดทองนั้นลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปไกล
ถึง ๘๐ ศอก แล้วก็จมลงสู่นาคพิภพแห่งนาคราชนาม ว่า “พญากาฬ”
ซ้อนอยู่ใต้ถาดใบที่สามแห่งพระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า
พระโกนาคมนพุทธเจ้า และ พระกัสสปพุทธเจ้า

             เสียงถาดกระทบกันทำให้พญากาฬนาคราชสะดุ้งตื่นจากบรรทม
เห็นถาดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ จึงได้ตรัสขึ้นว่า มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นอีกพระองค์แล้ว
และตรัสสรรเสริญพระพุทธคุณเป็นอันมาก

             พระบรมโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นนิมิตดังนั้นก็ทรงโสมนัสยินดี  เสด็จกลับสู่
สาลวันป่าไม้รังเพื่อพักผ่อน หลบแดดร้อนในยามเที่ยงวัน


            ต่อมามีคนตัดหญ้าผู้หนึ่งนามว่า โสตถิยพราหมณ์ ถือหญ้าสวนทางมา
พบพระโพธิสัตว์ แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใสถวายหญ้า

             พระบรมโพธิสัตว์ทรงรับหญ้านั้นแล้วเสด็จไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ์
ริมฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา ทำประทักษิณต้นโพธิ์สามรอบ พิจารณาสถานที่
ประทับบำเพ็ญเพียร  ทรงเห็นด้านทิศบูรพาเป็นสถานที่เหมาะสมจึงทรงปูลาดหญ้าลง
ณ โคนต้นศรีมหาโพธิ์ ด้านทิศบูรพานั้น ตั้งสัตยาธิษฐานว่า

             “ถ้าจะได้ตรัสรู้สัพพัญญุตญาณแล้วไซร้ ขอให้รัตนบัลลังก์
จงเกิดปรากฏในที่นี้”





             เมื่อจบพระดำรัสสัตยาธิษฐาน รัตนบัลลังก์วชิรอาสน์ก็ปรากฏตรงพระพักตร์
ด้วยอำนาจบุญบารมีอภินิหารที่ทรงสั่งสมมา พระบรมโพธิสัตว์ประทับนั่งบน
รัตนบัลลังก์วชิรอาสน์นั้น แล้วทรงดำรัสตั้งจิตสัตยาธิษฐานว่า

             “ถ้ายังไม่ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ   ถึงเนื้อและเลือด
จะเหือดแห้งไป  เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ตามที จะไม่ลุกจากบัลลังก์นี้”



ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง



บทภาพยนตร์



บรรยาย
             ที่หมู่บ้านอุรุเวลาเสนานิคมนั้นมีธิดาเศรษฐี ชื่อสุชาดา ในวัยสาวเคยบนบาน
ต่อรุกขเทวดาที่สิงสถิตที่ต้นไทร ขอให้มีสามีที่มีทรัพย์สมบัติ ชาติตระกูลเท่าเทียมกัน
และขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย



บรรยายต่อ
             เมื่อได้สมความปรารถนาแล้ว นางจึงได้เตรียมแก้บนด้วยการหุงข้าว
มธุปายาสด้วยน้ำนมโคถวายแก่รุกขเทวดา



ปุณณาทาสี
             แม่นางสุชาดา..แม่นางสุชาดา


นางสุชาดา
             เกิดอะไรขึ้นเหรอ ปุณณาถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างงี้นะ


ปุณณาทาสี
             สงสัยรุกขเทวดาจะมาเตรียมรับเครื่องบนบานของแม่นางอยู่ที่ต้นไทร
ตรงโน่นแน่แล้ว ข้าเห็นมากับตา..พระองค์มีรัศมีออกมารอบตัวดูงดงามจริง ๆ


นางสุชาดา
             ฮ้า..พวกเจ้าเร่งมือเข้า..ปุณณาเจ้ารีบไปนำถาดทองคำมาใส่ข้าวมธุปายาส
  เราจะได้รีบนำไปถวายท่านรุกขเทวดา



นางสุชาดา
             ความปรารถนาที่บนบานไว้ได้รับผลสำเร็จแล้ว    ข้าแต่ท่าน...
ข้าพเจ้าขอถวายข้าวมธุปายาสกับภาชนะทองที่รองใส่มานี้ ขอท่านจงรับไว้ด้วยเถิด
หมายเหตุ
ช่วงฉันข้าวมธุปายาสมีรายละเอียดขั้นตอนมากใช้ภาพสื่อให้เข้าใจ
ในแต่ละขั้นตอนโดยไม่ต้องบรรยาย



ดนตรีประกอบ



(พระพุทธเจ้า) (เสียงก้องในความคิด)
              เราขออธิษฐานว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ขอให้ถาดทองนี้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แต่ถ้าไม่สำเร็จสมประสงค์ ก็ขอให้ถาดนี้
ลอยล่องไปตามกระแสน้ำเถิด



ดนตรีประกอบ



(เสียงกระทบกันของถาดกังวานเลื่อนลั่น)



(พญานาคราช) (พูดกับตัวเอง)
              เพิ่งจะมีพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ ตรัสรู้ธรรมไปเมื่อไม่นาน
นี่ก็กำลังจะมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเกิดขึ้นอีกพระองค์หนึ่งแล้วสินะ



โสตถิยพราหมณ์
             เราเป็นพราหมณ์ ชื่อว่า โสตถิยะ เห็นท่านแล้วรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา
เราขอมอบหญ้า ๘ กำนี้ให้ท่าน ขอท่านจงรับไว้ด้วยเถิด



(พระพุทธเจ้า) (เสียงก้องในความคิด)
              ตราบใดที่เรายังไม่ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ถึงเลือดและเนื้อ
จะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตามที เราจะไม่ลุกไปจากบัลลังก์นี้









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น